เก็บคริปโทฯ อย่างไรให้ปลอดภัยตลาดขาขึ้น

เก็บคริปโทฯ อย่างไรให้ปลอดภัยตลาดขาขึ้น

ในภาวะตลาดขาขึ้น (Bull Run) ของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ราคาเหรียญมักพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้เข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทฯ มากขึ้น ในขณะที่ราคาคริปโทฯ ก็ดึงดูเหล่ามิจฉาชีพให้เข้ามาเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากการเรื่องศึกษาข้อมูล  เข้าใจความเสี่ยง เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม  และลงทุนอย่างมีสติแล้ว การเก็บรักษาสินทรัพย์และความตระหนักในการใช้งานก็เป็นเรื่องที่สำคัญ 


การเก็บรักษาคริปโทฯ มักมีปัญหาหลายประการ และเป็นอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาคริปโทฯ เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายได้ค่อนข้างช้า แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้

ปัญหาด้านความตระหนักในการเก็บคริปโทฯ ให้ปลอดภัย

ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักของพัฒนาการในการใช้งานคริปโทฯ เลยทีเดียว เนื่องจากคนส่วนใหญ่คุ้นชินกับการพึ่งพาบริการ จากผู้ให้บริการในชีวิตจริง หากเกิดความเสียหายมีคนพร้อมช่วยเหลือ และสามารถกู้คือหรือย้อนธุรกรรมกลับได้ แต่วิธีคิดนี้ใช้กับบริการทางด้านการเงินออนไลน์ในยุคนี้ไม่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นธุรกรรมบนโลกคริปโทฯ การย้อนธุรกรรมเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ หากถูกโจรกรรมแล้วจะไม่สามารถดึงเงินกลับได้ ความตระหนักจึงเป็นวิธีการป้องกันที่ถูกและมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดอันนึง


ปัญหาด้านเความรู้เรื่องคริปโทฯ​ และการเก็บคริปโทฯ ให้ปลอดภัย

โดยพื้นฐานคริปโทฯ อาจฟังดูยุ่งยาก แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ผู้ใข้ควรรู้มีแค่เรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของ ในโลกของคริปโทฯ คนใช้ทั่ว ๆ ไปรู้แต่ว่าเราครอบครองเหรียญ เห็นเหรียญแสดงในกระเป๋า แต่ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ การครอบครองนั้นพิสูจน์ด้วยอะไร ถ้าเราเข้าใจเรื่องการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเราก็จะรู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องปกป้องไม่ใช่สินทรัพย์ แต่เป็นการปกป้องสิ่งที่เราบอกระบบว่าเราเป็นเจ้าของ ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า Private Key นั่นเอง เพราะคริปโทฯ นั้นปลอดภัยอยู่แล้วในระบบตามกฏของมันซึ่งเก็บอยู่บน Blockchain ที่เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไป Hack ออกมาได้ ดังนั้นจุดที่ Hacker จะโจมตี หรือพยายามโจรกรรมก็คือ Private Key เพราะถ้าได้ Private Key ไป Hacker จะพิสูจน์ต่อระบบได้เว่าเค้าเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ๆ ทำอะไรกับมันก็ได้

นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้ยังไม่เข้าใจความต่างของการเก็บรักษาสินทรัพย์เองว่าเราสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพา Exchange ซึ่งวัตถุประสงค์ของการที่ Exchange เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นตลาดสำหรับแลกเปลี่ยน Bitcoin และ Digital Asset อื่น ๆ แต่คนส่วนใหญ่ มองเป็นที่สำหรับเก็บ Bitcoin และ  Digital Asset อื่นเพียงเพราะผู้ให้บริการมีทักษะมากกว่าผู้ใช้ทั่วๆ ไป ทั้งที่จริงแล้วต้นทุนในการเก็บเองรวมถึงความปลอดภัยเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูง หากเราเก็บเองเป็นตามกระบวนการ

ปัญหาทางด้านเทคนิค เกี่ยวกับเทคโนโลยี

เนื่องจากเทคโนโลยีเติบโตแบบก้าวกระโดด คนทั่ว ๆ ไปตามการเติบโตนี้ไม่ทัน แม้แต่คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมหากไม่ได้ตามข่าวเพียงแค่เดือนเดียวหลาย ๆ อย่างก็ปรับเปลี่ยนไปหมดแล้ว เทคโนโลยีหรือเทคนิคการเขียนโปรแกรมถูกใส่เข้าในเพื่อป้องป้องความมั่งคั่งทางดิจิทัลของคุณอยู่ตลอดเวลา ในทางกลับกัน Hacker เองก็เรียนรู้ที่จะเจาะระบบ หาช่องโหว่ จุดอ่อนของผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้เองต้องมีการเรียนรู้ ปรับตัว หมั่นอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ

การเก็บคริปโทฯ ให้ปลอดภัยต้องใช้ความรู้ประกอบกับความตระหนัก

หากผู้ใช้เข้าใจองค์ประกอบหลัก ผมเชื่อว่าการเก็บรักษาสินทรัพย์จะเป็นเรื่องที่ง่ายและห่างไกลจาก Hacker แน่นอน ในปีที่ผ่านมามูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการโจรกรรมทางไซเบอร์โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ นั้นมีมูลค่าสูงถึง 24,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ปีนี้ทุกคนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในช่วงตลาดกระทิง ปัจจัยหลัก ๆ ก็จะมาจากความต้องการของตลาดที่จะครอบครอง  Bitcoin ผ่าน Spot Bitcoin ETF ประจวบกับการที่ปีนี้เป็นปีที่  Bitcoin จะมีการลดปริมาณการผลิตลงครึ่งนึงที่เรียกว่า Halving ที่จะเกิดขึ้นราว ๆ ทุก 4 ปี แล้วถ้าเราแอบไปส่องดูปริมาณ Bitcoin ที่สำรองใน Exchange รวมกัน อยู่ในระดับที่ต่ำ มีการซื้อแล้วโอนออกไปเก็บทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าลองจินตนาการ ถึงความต้องการตลาดที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ มาเจอกับปริมาณของที่มีอยู่อย่างจำกัดบน Exchange ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตเติม Bitcoin เข้ามาประมาณ 900 Bitcoin ต่อวัน จะเหลือ 450 Bitcoin ต่อวัน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ Spot Ethereum ETF ที่ทุกคนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้รับการอนุมัติในช่วงกลางปีนี้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันมูลค่าในตลาดคริปโทได้อีกมากแค่ไหน ซึ่งในปีนี้กรอบราคากว้าง ๆ ถ้าดูตาม Linear regression fit มีความเป็นไปได้ที่จะถึง 100,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Resistance อยู่ที่ราว ๆ 380,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Support อยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์

การที่ราคาของบิทคอยน์ขึ้นย่อมนำมาซึ่งสัดส่วนของผู้เล่นหน้าใหม่และแฮคเกอร์ด้วย

อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาของเหรียญในตลาดคริปโทนั้นย่อมทำให้ล่อตาล่อใจเหล่า Hacker เพราะต้นทุนในการโจรกรรมเท่าเดิมแต่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ผนวกกับคนหน้าใหม่ที่สนใจจะเข้ามาในตลาดก็มากขึ้นด้วยทำให้ตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นตามราคาของ Bitcoin และคริปโทอื่น ๆ

การเอาตัวรอดในโลกของคริปโทฯ ไม่สามารถพึ่งพาหรือเชื่อใจใครได้นอกจากตัวเราเอง และเราไม่ควรไว้ใจหรือเชื่อใจใครใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งนี้ควรเป็นพื้นฐานความคิดที่จะทำให้เราเอาตัวรอดได้ในโลกของคริปโทฯ และ Hardware Wallet เป็นสิ่งที่ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพที่คอยปกป้องที่สูงมากระดับเดียวกันกับผู้ประกอบการระดับโลกเลยทีเดียว สิ่งที่ผมพูดทุกคนจะไม่เข้าใจจนกว่าต้องสูญเสียบิทคอยน์หรือคริปโทฯ ถึงจะเข้าในส่ิงที่ผมพยายามเตือน

 

Ref: https://charts.bitbo.io/long-term-power-law/

กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น

โปรดทราบว่าความคิดเห็นจะต้องได้รับการอนุมัติก่อนที่จะได้รับการเผยแพร่